EA ลั่นปี 64 เข้าสู่ New S-Curve
By EA ANYWHERE | Aug 25,2021
EA ลั่นปี 64 เข้าสู่ New S-Curve ธุรกิจแบตฯ รถบัสไฟฟ้า-เรือไฟฟ้า หนุน เริ่มออกสตาร์ทตั้งแต่ไตรมาส 3/64
EA ผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงาน ลั่นผลงานปี 64 โตเด่น เข้าสู่ New S-Curve โครงการแบตเตอรี่ลิเทียมเฟสแรกเริ่มผลิตตั้งแต่ไตรมาส 3/64 ป้อนรถบัสไฟฟ้าที่ประกอบเสร็จแล้วกว่า 100 คัน ทยอยส่งมอบ ในเดือนสิงหาคม เผยโรงงานใน จ.ฉะเชิงเทรา ก่อสร้างคืบหน้าไปกว่า 90% กำลังผลิต 3,000 คัน/ปี ขณะที่เรือโดยสารไฟฟ้า MINE SMART FERRY คาดส่งมอบครบ 27 ลำตามแผน
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงาน เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯพร้อมเดินหน้าโครงการแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน Amita Technology (Thailand) โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตสำหรับระยะที่ 1 ได้ในไตรมาสที่ 3/64 โดยปัจจุบันได้นำเข้าเซลล์แบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของ Amita Technologies Inc. ไต้หวัน เพื่อนำมาประกอบเป็นแพ็คและโมดูลในสายการผลิตภายในประเทศ เพื่อตอบสนองการใช้ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ของบริษัทฯ ได้แก่ รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า ในช่วงแรกระหว่างรอโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่เสร็จเรียบร้อย
สำหรับโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า EA Anywhere ได้ร่วมมือกับบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ให้บริการสถานีน้ำมันคาลเท็กซ์ ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ไปแล้ว 9 แห่ง และมีแผนที่จะเปิดให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์สาขาอื่นๆ เพิ่มเติมอีกให้ครบ 20 แห่งภายในปี 2564
ส่วนโครงการเรือโดยสารไฟฟ้า MINE SMART FERRY ได้เริ่มเก็บค่าโดยสารในราคาโปรโมชั่น 20 บาทตลอดสาย และเมื่อวันที่ 17 พ.ค.64 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ขยายจุดจอดเรือรับ-ส่งที่ต้นทางฝั่งเหนือจากท่าเรือนนทบุรีไปยังท่าเรือพระนั่งเกล้า ถึงท่าเรือสาทร ภายในไตรมาสที่ 3/64 จะมีการส่งมอบเรือโดยสารไฟฟ้าครบจำนวน 27 ลำ ตามแผนที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ ในส่วนของโครงการรถโดยสารไฟฟ้า ปัจจุบันได้มีการประกอบรถโดยสารไฟฟ้าแล้วเสร็จกว่า 100 คัน โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ในช่วงเดือนสิงหาคม สำหรับโรงงานผลิตรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ทุกประเภทอยู่ใน จ.ฉะเชิงเทรา การก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 90% โดยเมื่อโรงงานเสร็จเรียบร้อยจะมีกำลังการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าอยู่ที่ปีละ 3,000 คันต่อปี
“มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจแบตเตอรี่ รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า ซึ่งถือเป็น New S-Curve ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามแผนงานที่วางไว้” นายอมร กล่าวในที่สุด
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนของปี 2564 มีกำไร 2602.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.04% จากงวดเดียวกันปี ก่อนมีกำไร 2,601.48 ล้านบาท รายได้รวมสำหรับงวดหกเดือนเพิ่มขึ้นจำนวน 704.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.89%
ในไตรมาส 2/64 มีกำไร 1,190.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.59% จากช่วงเดียวกันปี 63 ที่มีกำไร 1,149.42 ล้านบาท โดยรายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 2/64 เพิ่มขึ้นจำนวน 759.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของรายได้กลุ่มธุรกิจไบโอดีเซล โต 49.74% ได้รับปัจจัยจากการปรับตัวของราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นเนื่องมาจากการส่งเสริมให้น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล (B100) ในสัดส่วน 10% หรือ B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐาน เป็นการเพิ่มอุปสงค์ของน้ำมันปาล์ม ส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันในประเทศเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าปริมาณการใช้น้ำมันจะลดลงเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19